ว่าด้วยเรื่องของ Apple Vision Pro
ณ วันที่ 09/06/2023
อยากให้นิยามว่า Vision pro หาช่องว่างทางการตลาดของตัวเองได้ดีมาก แอปเปิ้ลเก่งมากจริงๆ ในเรื่องนี้ และบวกกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ในมือพร้อมมากพอที่จะปล่อยออกมาให้คนได้ใช้งาน
ความแตกต่างของ Apple Vision pro, Microsoft HoloLens และ Meta Quest
- ดูจะเป็นตัวเปรียบเทียบที่ใกล้เคียงที่สุด แต่ในรายละเอียดก็มีความแตกต่างพอสมควร
- ด้านพลังงาน เวลาใช้งาน และพื้นที่
— HoloLens ยังมีสายไฟเชื่อมต่ออยู่ ระยะเวลาการใช้งานไม่จำกัด แต่พื้นที่ใช้งานจำกัดอยู่กับสายไฟ
— Vision Pro ใช้แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ 2 ชม. ในเวอร์ชั่นแรก เวลาจำกัด แต่ระยะทางไม่จำกัด (น่าจะค่อยๆ ดีขึ้นเหมือน Watch)
— Meta Quest ใช้แบตเตอรี่ที่ยังใช้งานได้ไม่นานมาก
ด้านแนวคิด
— HoloLens สร้างโลกเสมือนขึ้นมา และเน้นที่ตัวบุคคล หรือบางสิ่งที่กำลังพูดคุยกันอยู่ (น่าจะติดที่ข้อจำกัดด้านพลังประมวลผล)
— Vision Pro ผสานโลกจริง และโลกเสมือน ให้แนบเนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งภาพสามารถสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงขึ้นมาให้คนใส่แว่นเห็นได้ และสร้างดวงตาเสมือนให้คนรอบข้างเห็นได้ ทำให้คนใส่แว่น และคนอยู่ใกล้ๆ ยังอยู่ในโลกเดียวกัน ทั้งเสียงก็ยังให้คนใส่แว่นได้ยินเสียงภายนอก และในแว่นได้ปกติ
— Meta Quest เป็นการสร้างโลกอีกหนึ่งใบขึ้นมาให้คนเข้าไปใช้ชีวิตในนั้น ซึ่งจะตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง น่าจะเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างสุดโต่ง และอาจจะยังไม่เหมาะกับยุคเปลี่ยนผ่าน (เทคโนโลยีที่มาก่อนกาล) ตัวกราฟฟิคที่ยังทำเป็นแบบการ์ตูนมากกว่าสมจริง
- ด้านตลาดผู้ใช้งาน
— HoloLens ชัดเจนมากว่าใช้งานกับลูกค้าองค์กรเป็นหลัก ด้วยการออกแบบของ HoloLens ที่เสียบสายพลังงาน ใช้งานในห้องที่จัดไว้สำหรับประชุม ก็เหมาะกับตลาดของตัวเอง
— Vision Pro สร้างตลาดขึ้นมาใหม่ได้อย่างน่าสนใจ ในตลาดของผู้ใช้งานทั่วไปที่ยังไม่มีผู้ชนะที่แท้จริง ตัวแว่นสามารถแก้ไขจุด paint point หลายๆ อย่างได้ โดยเฉพาะเรื่อง digital well being ใส่แว่นแล้วไม่เวียนหัว ด้วยภาพกราฟฟิคที่เหมือนจริง จากการประมวลผลที่ทรงพลังงานของ M2
— Meta Quest ยังหาตลาดที่เหมาะสมกับตัวเองไม่เจอ คนเข้าไปใน metaverse แล้วยังไม่มีอะไรให้กลับเข้าไปเล่นได้อีก และคนใส่นานๆ แล้วยังมีอาการเวียนหัว
เท่าที่นึกออกกับ Vision Pro คงต้องรอเวลาพิสูจน์เมื่อสินค้าจริงวางจำหน่าย